วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สบู่ธรรมชาติ

สบู่ธรรมชาติ
       คือสบู่ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการที่เรียกว่า Saponification มันคือการทำปฏิกริยาระหว่า ด่าง และ ไขมัน
all-about-soap ได้แบ่ง การผลิตสบู่ธรรมชาติ ตามกรรมวิธีการผลิต ได้ดังนี้
1. Natural Cold-Process soap สบู่ผลิตด้วยกระบวนการเย็นโดยธรรมชาติ

กรรมวิธีการผลิตรูปแบบนี้  เป็นกระบวนการผลิตสบู่ที่คงความเป็นธรรมชาติได้ดีที่สุดเหมือนเมื่อพันปีที่ แล้วที่เกิดสบู่ขึ้นบนโลกครั้งแรก
การผลิตจะเริ่มจากการนำเอาวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งมี กรด (acid)  คือ น้ำมันที่มีคุณประโยชน์ต่างๆ  ทั้ง hard oil ซึ่งทำหน้าที่สร้างรูปและตัวตนให้กับสบู่ ในฐานะ  based oil เช่น น้ำมันมะพร้าว  น้ำมันปาล์ม

Exotic oil เช่น น้ำมันรำข้าว  น้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นน้ำมันหลักของความต้องการที่จะให้สบู่นั้นออกมาแล้วมีประโยชน์ด้านใดบ้าง
ส่วนด่าง (lie) คือตัวประกอบสำคัญที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยา saponification ซึ่งในปัจจุบันนิยมการใช้ sodium hydroxide  กรณีต้องการผลิตสบู่ก้อน หรือ potassium hydroxide กรณีต้องการผลิตสบู่เหลว  แทนการใช้ขี้เถ้าจากการเผาไหม้ มาผสมกับน้ำสะอาดเหมือนอดีต   ทั้งนี้เนื่องจากความไม่เสถียรของค่าความเป็นด่างและความไม่สะดวกในการจัด หา   ซึ่ง sodium hydroxide  และ potassium hydroxide วัตถุดิบทั้งสอง  คือ น้ำเกลือที่ทำให้มีความเข้มข้นสูงด้วยเทคนิคด้านประจุไฟฟ้า  จึงถือได้ว่ายังมีความเป็นธรรมชาติเพียงแต่มีความเข้มข้นมาก เกินกว่าที่ผิวมนุษย์จะรับได้

การเตรียมด่างต้องใช้ sodium hydroxide  หรือ potassium hydroxide ผสมกับน้ำอย่างถูกต้องตามหลักความปลอดภัย  ได้แก่ วิธีการผสม  และอัตราส่วนในการผสม  ซึ่งจะต้องมีความแม่นยำและเที่ยงตรงด้วยการคำนวณหาค่า SAP Value ที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะทำให้ได้สบู่ที่ดีหรือเหมาะสมที่สุดในแต่ละสูตร

จากนั้น เราสามารถเพิ่มเติมคุณประโยชน์จากธรรมชาติเข้าไปในตัวสบู่ได้ คือเพิ่ม active ingredient ต่างๆ ตามที่ต้องการที่จะให้สบู่นั้นทำหน้าที่  เช่น นม  น้ำผึ้ง  น้ำมันเปลือกมังคุด  ผงสาหร่าย  ผงโคลน ฯลฯ  แล้วเติมแต่งกลิ่นพร้อมประโยชน์ด้วยน้ำมันหอมระเหยตามต้องการ  แต่ต้องมีการคำนวณและประมาณอัตราส่วนที่ใช้อย่างพอเหมาะด้วย

สุดท้ายคือการผสมผสานทุกส่วนเข้าด้วยกันจนข้นได้ที่แล้วนำเข้าเก็บไว้ ที่เรียกว่า ageing จนกว่าสบู่จะคลายฤทธิ์และแปรสภาพที่เป็นประโยชน์ต่อการอาบน้ำ

จะเห็นได้ว่าขั้นตอนและรายละเอียดต่างๆ เป็นไปตามธรรมชาติทั้งสิ้น  โดยเราไม่ต้องนำความร้อนจากภายนอกไปเร่งปฏิกิริยา saponification เลย  จึงเป็นที่มาของชื่อ Natural Cold-process soap  ซึ่งสบู่แนวนี้เปรียบเสมือนเราเลือกทานข้าวที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดสีหรือ เติมแต่ง  เช่น  ข้าวกล้อง  นั่นเอง

2. Natural Hot-process soap สบู่ธรรมชาติผลิตด้วยกระบวนการร้อน

กรรมวิธีการผลิตสบู่แนวนี้  คือการให้ความร้อนจากภายนอกเข้าไปสนับสนุนให้เกิดสบู่สำเร็จรูป ตามลักษณะที่ต้องการแล้วเติมแต่งกลิ่นและสีที่กำหนดไว้  ก็จะได้สบู่ที่มีความสวยงาม  สดใสแวววาว  มีเสน่ห์น่าใช้ เปรียบเทียบได้กับการทานข้าวขาวหอมมะลิ นั่นเอง

ในความเป็นจริงแล้วการผลิตสบู่แนวนี้มีความยุ่งยากซับซ้อนพอสมควรหาก เริ่มตั้งแต่ต้น  คือต้องผ่านกรรมวิธี Cold-process ก่อน แล้วแยกส่วนที่เป็น glycerin ออกมา   ซึ่ง glycerin ก็ถือได้ว่าเป็นสบู่สำเร็จรูปเบื้องต้น  สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดได้อย่างปลอดภัย   แต่เมื่อต้องการความสวยงามและเสน่ห์ที่น่าใช้  ก็จำเป็นต้องนำ glycerin มาผ่านกระบวนการความร้อนที่จัดเตรียมไว้  เมื่อละลายจนได้ที่จึงเติมแต่งสีสัน  เพิ่มกลิ่นด้วย Fragrance (น้ำหอมเคมีสังเคราะห์)  เนื่องจาก Essential oil มีราคาสูงและจะสลายไปอย่างรวดเร็วเมื่อถูกความร้อน  จึงไม่เป็นที่นิยมเชิงพานิชย์



ความแตกต่างของสบู่ Natural Hot-process soap  คุณภาพสูงและต่ำ  อาจเกิดจากการใช้ glycerin คุณภาพต่ำ ไม่สะอาดและมีจุดเดือดที่สูง  ซึ่งส่วนใหญ่มักผลิตจากไขมันสัตว์ที่ได้จากโรงฆ่าสัตว์  ในประเทศ เพราะมีราคาต่ำกว่า glycerin ที่ผลิตจากพืชที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ  นอกจากราคาที่แตกต่างแล้ว  ประโยชน์ตลอดจนความปลอดภัยก็แตกต่างกันอย่างมากด้วย  ผู้ผลิตสบู่แนวนี้ที่ไม่เน้นคุณภาพจึงมักใช้ Glycerin คุณภาพต่ำจากไขมันสัตว์ เพื่อให้ได้ผลกำไรที่มากกว่า

หากเปรียบเทียบในเชิงความเป็นธรรมชาติและประโยชน์แล้ว  สบู่ Natural Hot-process soap  นี้ มีความเป็นธรรมชาติและประโยชน์น้อยกว่า Natural Cold-Process soap  เนื่องจากความร้อนที่นำเข้ามาเติมแต่งในกระบวนการผลิตจะสลายคุณค่าทาง ธรรมชาติออกไป   สบู่แนวนี้จึงไม่สามารถออกแบบหรือเติมแต่งสรรพคุณพิเศษใดๆ ได้อีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น